ปฎิบัติธรรม แดนพุทธภูมิ
เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ครั้งที่ ๑๓
"ถ้ำอชันต้า เอลโลร่า"
วันที่ ๑๒ -๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
 |
"มหาปรินิพพานสูตร"
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ.........
เมื่อก่อน ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาในทิศทั้งหลายมาเฝ้าพระตถาคต ข้าพระองค์ทั้งหลายย่อมได้พบ ได้ใกล้ชิดภิกษุทั้งหลายผู้เป็นที่เจริญใจ
ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จล่วงลับไป ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะไม่ได้พบ ไม่ได้ใกล้ชิดภิกษุทั้งหลายผู้เป็นที่เจริญใจ(อีก)”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า........
“อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้ เป็นสถานที่ (เป็นศูนย์รวม) ที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู
สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง อะไรบ้าง คือ
๑.สังเวชนียสถานที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู ด้วยระลึกว่า ‘ตถาคตประสูติในที่นี้’
๒.สังเวชนียสถานที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู ด้วยระลึกว่า ‘ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้’
๓.สังเวชนียสถานที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู ด้วยระลึกว่า ‘ตถาคตทรงประกาศธรรมจักรอันยอดเยี่ยมในที่นี้’
๔.สังเวชนียสถานที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู ด้วยระลึกว่า ‘ตถาคตได้เสด็จดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้’อานนท์....สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศรัทธาจะมาดูด้วยระลึก ว่า "ตถาคตประสูติ ในที่นี้" ว่า "ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมสัมโพธิญาณในที่นี้" ว่า "ตถาคตประกาศธรรมจักรอันยอดเยี่ยมในที่นี้" ว่า "ตถาคตได้เสด็จดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้"
อานนท์...ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง จาริกไปยังเจดีย์ จักมีจิตเลื่อมใส ตายไป ชนเหล่านั้นทั้งหมด หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"
|
 |
 |
อชันตาเป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้ถ้ำนั้น ห่างจากเมืองออรังกบาดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 104 กม. เป็นสถานที่มีการขุดเจาะภูเขาเข้าไปเป็นถ้ำ เรียงกันถึง 30 ถ้ำ สำหรับถ้ำเหล่านนี้ใช้เป็นห้องโถงสำหรับสวดมนต์ และประกอบศาสนกิจ รวมถึงเป็นที่พำนักพระสงฆ์ จะเรียกว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาก็ว่าได้
• ถ้ำอชันตานี้มีเกิดมาตั้งแต่ พ.ศ.350 เดิมทีนั้นสร้างโดยพระสงฆ์นิกายหินยาน และช่างแกะสลักส่วนใหญ่ก็เป็นชาวฮินดูในวรรณะต่ำที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ แล้วก็มาทำการแกะภูเขาสร้าถ้ำขึ้นมา ต่อมาพระพุทธศาสนานิกายมหายานจึงเริ่มเข้ามา และไปผสมผสานภายหลัง มีผู้สันนิษฐานว่าพระสงฆ์เลือกถ้ำแห่งนี้เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบ และหินที่ภูเขาก็เป็นหินแบบไม่แข็งจนเกินไป รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางส่งสินค้าของชาวอาหรับโบราณมากนัก
• หลังจากกองทัพมุสลิมเข้ามายึดครองอินเดีย ถ้ำอชันตาก็หายไปจากความทรงจำของผู้คน ต่อมาใน ค.ศ.1819 นายทหารอังกฤษชื่อนายจอห์น สมิธ ได้ออกล่าสัตว์ในเขตนั้น และพบถ้ำดังกล่าว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะไม่นึกไม่ฝันว่าคนสมัยนั้นจะมีความพยายามสูงส่ง ขนาดเจาะหินภูเขาเป็นที่อยู่อันใหญ่โตมโหฬารด้วยมือได้เช่นนี้
|
 |
 |
ก่อนอื่นพวกเราที่เป็นชาวพุทธ
เมื่อมาถึงถ้ำนี้ ควรที่จะต้องสวดมนต์ ทำว้ตร
ถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าก่อน
ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น |
 |
คำอธิษฐาน
เกิดชาติหน้าฉันใด
ขอให้ได้พบพระพุทธศาสนา
หรือถ้าเป็นไปได้
ขอให้ได้มรรคผลนิพพาน
ในปัจจะบันชาตินี้
|
 |
“พระพุทธเจ้าข้า พวกหม่อมฉันเป็นเจ้าศากยะยังมีมานะ ความถือตัวอยู่ อุบาลีผู้นี้เป็น นายภูษามาลา เป็นผู้รับใช้ของหม่อมฉันมานาน ขอพระผู้มีพระภาคจงให้อุบาลีผู้เป็นภูษามาลานี้บวชก่อนเถิด พวกหม่อมฉันจักทำการอภิวาท การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่อุบาลีผู้เป็นภูษามาลานี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ความถือตัวว่าเป็นศากยะ ของพวกหม่อมฉันผู้เป็นศากยะจักเสื่อมคลายลง” |
 |
ในลำดับต่อมา พระอานนท์หรือสาวกอื่น ต่างก็พากันคิดว่าเมื่อพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว พระพุทธองค์สมควรจะแต่งตั้งใครผู้ใดผู้หนึ่งให้อยู่เป็นผู้นำหรือเป็นหลักของพระพุทธศาสนาแทนพระบรมศาสดาพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคได้ประทานโอวาทแก่พระอานนท์และภิกษุทั้งหลายว่า
"อานนท์ บางทีพวกเธอพึงมีความคิดเช่นนี้ว่า ปาพจน์(ศาสนา) เมื่อพระพุทธองค์ดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่ควรดำริว่าพระศาสดาของเราปรินิพพานแล้ว ศาสดาของเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงคิดเช่นนั้น ด้วยแท้จริงแล้ว ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้วและบัญญัติไว้แก่พวกเธอแล้ว ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอโดยกาลล่วงไปแห่งเรา แทนเรา"
|
 |
เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทาน ปัจฉิมโอวาท ดังความว่า
"หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ"
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด ”
|
 |
 |
คนเราทำอะไรจำเจ จำเจได้ เชื่อเถอะว่าต้องมีความสุข
หรือว่ามีศรัทธา |
 |
เหมือนกับการมาอินเดีย
ถ้ามาแล้วไม่มีความสุขก็ไม่ต้องมาแล้ว |
 |
บางคนมาต่อ มาเติม มาเสริมของเก่า
ของของเราที่เคยได้ เคยมี หรือเคยเป็นมาก่อน |
 |
หากท่านไม่มา
จะไม่มีวันเป็นไปตามที่ท่านปรารถนา |
 |
หรือถ้าหากท่านปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
คงเป็นความเสียใจที่ไม่อาจชดเชย |
นี่ก็เรื่องแปลก
“นักท่องยุโรป-อเมริกา รวมทั้งนักท่องรอบโลกหลายท่าน...ให้ข้อคิดเห็นว่า...
ที่ไปทุกแห่งแสนสะดวกสบาย ประเทศสนุกก็ว่าแสนสนุก...
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วก็หมดกัน
แปลกเป็นพิเศษก็คือ...ท่องอินเดีย สะดวกก็ไม่สะดวก สบายก็ไม่สบาย
สนุกก็ไม่สนุก แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว กลับคิดถึงอินเดีย...แปลกจริงๆ
...อินเดียมีอะไรหรือ ?”
 |
ความภาคภูมิใจในฐานะพุทธศาสนิกชนชาวไทย
๑. ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีชาวพุทธนับถือพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม ที่ยังพร้อมด้วยหลักธรรม หลักวินัย หลักปฏิบัติ ยังธำรงคงไว้ซึ่งแก่นแท้ของความเป็นพุทธตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันกาลได้
|
 |
๒.เพราะเรามีบุญเคยสร้างกุศล บำเพ็ญบารมีกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีตชาติอันเป็นบุพเพกตปุญญตา มาในชาตินี้บุญกุศลจึงส่งหนุนนำให้มาเกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรือง ณ เมืองไทย พร้อมมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา และมีโอกาสได้เดินทางไปถึงต้นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนา คือที่อินเดีย เท่ากับว่าได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของตนเอง หากว่าชาตินี้ไปเกิดแผ่นดินที่อื่นๆ หรือแม้แต่ที่ประเทศอินเดียที่อดีตพระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรือง ปัจจุบันก็แทบจะไม่มีพระพุทธศาสนาให้รู้จักให้ศรัธาได้เลย |
 |
๓.ไทยเรามีความสงบร่มเย็นเป็นสุขได้ ก็เพราะภายใต้พระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภ์ ทรงเป็นพุทธมามะกะ เป็นร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองที่บ้านพุทธเมืองไทยมาตราบจนปัจจุบันนี้ |
 |
๔. ขอให้ชาวพุทธไทย จงภูมิใจว่า โลกปัจจุบันท่ามกลางการก่อการร้ายและภัยสงคราม ความโหดร้ายภัยพิบัติจากธรรมชาติ โลกของเรากลายเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่และไม่ปลอดภัยต่อการดำรงชีวิต พระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นดุจแสงทองแห่งความหวังของมวลมนุษย์และตลอดถึงชาวโลกทั้งหมดได้ประจักษ์ว่า พระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาเป็นหลักนำสันติภาพมาแก่มนุษย์โลกได้อย่างแท้จริง โลกตะวันตกกำลังหันมาให้ความสนใจ ศึกษาเรียนรู้ปฏิบัติตนตามหลักคำสอนพระพุทธศาสนาที่พวกเรารักษาไว้ให้จนถึงปัจจุบัน
และองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันวิสาขะบูชาเป็นวันสำคัญของโลก (The World's importance Day) เพื่อน้อมรำลึกนึกถึงองค์ศาสดาของชาวพุทธ และจักเป็นโอกาสแห่งการน้อมนำพระธรรมคำสอนมาร่วมใจกันปฏิบัติกันทั่วโลก เพื่อความสงบร่มเย็น ดับความทุกข์เข็ญและความเดือดร้อนของชาวโลกสืบไป
บทความโดย: ดร.พระมหาคมสรณ์ คุตฺตธมฺโม (ท่านคมสรัญญ์) |
 |
|
 |
 |
เทียนเต็ก ซินแส
"มีคนเขาว่ามาอินเดีย เพื่อไหว้พระรับพร
แต่ไปเมืองจีนเพื่อไหว้เจ้ารับโชค"
วันนี้มีเรื่องเบาๆมาเล่าสู่กันฟังเพื่อความสนุกสนาน
ให้กับผู้ที่คิดว่าจะเดินทางจาริกไปยังดินแดนพุทธิภูมิ
ตามรอยพระศาสดา
ณ สาธารณรัฐอินเดีย
และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
จากการสอบถามผู้ที่ได้เดินทางร่วมมากับคณะ
ประมาณหลายสิบคนว่า
เพราะใดจึงได้เดินทางมากับทัวร์คณะนี้
ได้รับคำตอบว่าเป็นเพราะทัวร์คณะนี้มีราคาแพงที่สุด
ได้สอบถามต่อไปอีกว่า
เมื่อรู้ว่ามันแพงแล้วทำไมยังเลือกมากับทัวร์คณะนี้
ได้รับคำตอบว่าที่เลือกมากับทัวร์คณะนี้ก็เพราะว่ามันแพงนะซิ
ก็เลยทราบว่าโยมคณะนี้เลือกเดินทางมากับ
ทัวร์ที่มีราคาแพงเป็นอันดับแรก
ส่วนการบริการจะดีหรือไม่ดีไว้เป็นอันดับหลัง
(คิดว่าของแพงต้องดี)
พระอานนท์เป็นพระภิกษุอุปัฏฐานของพระพุทธเจ้า
ก่อนท่านรับตำแหน่งนี้ เคยมีพระภิกษุ
หลายรูปทำหน้าที่นี้มาก่อน แต่ท่านเหล่านั้นรับหน้าที่ดังกล่าวไม่นาน
ก็กราบทูลลาพระพุทธเจ้าออกไป
ผู้รับหน้าที่อุปัฏฐานพระพุทธเจ้าเป็นเวลานานที่สุด
จนพระพุทธเจ้านิพพาน จึงได้แก่พระอานนท์

โดยความสัมพันธ์ทางพระญาติ
พระอานนท์มีศักดิ์เป็นพระอนุชาหรือน้องชายของพระพุทธ
เจ้า เพราะบิดาของท่านเป็นน้องชายของบิดาของพระพุทธเจ้า
นี่ว่าอย่างสามัญ

ตลอดเวลาที่รับหน้าที่อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปทุกหนทุก
แห่ง คอยปรนนิบัติอุปัฏฐากพระพุทธเจ้ามิได้บกพร่อง
ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงไม่มีเวลาบำเพ็ญกิจส่วนตัว
พรรคพวกรุ่นเดียวกันที่ออกบวชพร้อมกัน (ยกเว้นพระเทวทัต)
ต่างได้สำเร็จอรหันต์กันทั้งสิ้น
ส่วนพระอานนท์ได้สำเร็จมรรคผลเพียงชั้นโสดาเท่านั้น
|
 |
มาคราวนี้โชคดีจริงๆ ได้กัลยาณมิตรที่ดีมากๆ
ไม่ต้องกังวลกับการถ่ายรูป |
 |
ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะถ้ำที่ 16
บนชั้นที่สอง |
 |
ได้สวดมนต์ทำวัตร
นั่งสมาธิ
เพราะชั้นสองไม่ค่อยมีคนขึ้น |
 |
เจ้าหน้าที่มีแค่คนเดียว
ให้ยาหม่องตราลิงไปหนึ่งตลับ
และยังให้เงินรูปีไปอีก หนึ่งร้อยรูปี |
 |
เขายินดี เราก็ยินดีด ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แล้วต่อจากนั้นไปที่ถ้ำไหน
เราก็ได้รับความสะดวกตลอดทุกถ้ำ |
 |
เราไลนด์มาบอกพรรคพวกที่เมืองไทยว่า
ถ้ำที่สวยที่สุด ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดคือถ้ำที่ 26
แต่ถ้ำที่พิเศษที่สุดคือถ้ำที่ 16
อยู่บนชั้นที่สอง |
 |
ทำไมจะไม่พิเศษ
เพราะกลับมาถึงประเทศไทย
มีคนพาไปเลี้ยงข้าวสองรอบ เพราะถ้ำที่ 16
(เขามีโชค เรามีลาภ) |
|
|
|
|
|
|
เส้นทางลัด
เดินข้างล่างเป็นทางราบ ไม่ต้องขึ้นเสลี่ยง
ไปถ้ำสุดท้าย (26) แล้วย้อนกลับ ดีกว่ากันเยอะเลย
 |
ปีหน้าคิดว่าจะมาที่นี่อีก |
 |
มาเก็บตกบางสิ่งบางอย่างที่ละเลยไป
ยังไม่ทั่วถึง |
 |
แต่ต้องไปปฏิบัติธรรมยังสี่สังเวช์ก่อน |
 |
|
 |
|