เทียนเต็ก ซินแส
ศึกษาสติปัฏฐาน (บรมสุข) กับหลวงพ่อทอง
พระเดชพระคุณ พระธรรมมังคลาจารย์ วิ (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)
วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร อำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่ |
|
|
หลวงปู่จะเน้นเรื่องสติปัฏฐาน
สติปัฏฐานเป็นหัวใจแห่งคำสอนของพระพุทธองค์
พระองค์ทรงสอนสติปัฏฐาน 4
นับตั้งแต่ตรัสรู้
จนกระทั่งเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
|
|
หลวงปู่บอกว่า วิธีชำระจิตให้บริสุทธิ์
ไม่มีในคำสอนของศาสนาใดๆ ในโลก
มีแต่เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
|
|
"พุทธวจนะ"
นิพพานก็มีอยู่
ทางไปนิพพานก็มีอยู่
เราผู้ชี้ทางไปนิพพานก็มีอยู่
ถ้าเธอไม่เดิน แล้วเธอจะถึงนิพพานได้อย่างไร?
|
|
หลวงปู่บอกว่าอาการทางกาย เวทนา จิตและธรรม คือ
1.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (กาย) พิจารณากายเป็นอารมณ์
พองหนอ ยุบหนอ ขวาย่างหนอ ซ้ายว่างหนอ
2.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน (เวทนา) พิจารณาเวทนาเป็นอารมณ์
เจ็บหนอ ปวดหนอ ชาหนอ
3.จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (จิต) พิจารณาจิตเป็นอารมณ์ คิดหนอ คิดหนอ
4.ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน (ธรรม) พิจารณาธรรมเป็นอารมณ์
นิวรณ์ 5 พอใจ ไม่พอใจ ง่วง ฟุ้ง สงสัย
( วิปัสนาในแนวสติปัฏฐาน 4 ได้แก่ 1.กาย 2.เวทนา 3.จิต 4.ธรรม)
|
|
หลวงปู่บอกว่าจะปฎิบัติธรรมต้องเตรียมตัว
คือต้องกำจัดความกังวล 10 อย่างนี้เสียก่อนคือ
1.อาวาสปลิโพธ กังวลด้วยที่อยู่ ถ้าเป็นพระก็เป็นห่วงวัดวาอาราม
ถ้าเป็นฆราวาสก็ห่วงบ้าน
2.กุลปลิโพธ กังวลด้วยตระกูลที่มีอุปการะ
3.ลาภปลิโพธ กังวลด้วยลาภสักการะต่างๆ
4.คณปลิโพธ กังวลด้วยหมู่คณะที่อยู่ร่วมกันมา
5.กัมมปลิโพธ กังวลด้วยการก่อสร้าง
6.ญาติปลิโพธ กังวลด้วยญาติพี่น้อง
7.อาพาธปลิโพธ กังวลด้วยตนเองเจ็บป่วย
8.คันถปริโพธ กังวลด้วยการศึกษาต้องหยุดชงัก
9.อิทธิปลิโพธ กังวลด้วยเรื่องการแสดงฤทธิ์ กลัวเสียความขลัง
10.อัทธาปลิโพธ กังวลด้วยการเดินทาง
|
|
"ฐิโต วา ฐิโตมฺหีติ ปชานาติ" (เมื่อยืนอยู่ ก็รู้ว่ายืนอยู่)
"คัจฺฉันโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ" (เมื่อเดินอยู่ ก็รู้ว่ากำลังเดินอยู่)
"นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย
ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตวา"
(นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า)
"สยาโน วา สยาโนมหีติ ปชานาติ"
(เมื่อนอนอยู่ ก็รู้ว่ากำลังนอนอยู่)
|
|
หลวงปู่บอกข้อที่ทุกคนควรปฏิบัติ
1.ผูกใจไว้ในสติปัฏฐาน 4
2.สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6
|
|
หลวงปู่บอกข้อที่ทุกคนไม่ควรปฏิบัติ
1.เขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือ ในช่วงปฏิบัติ
2.เห็นแก่นอน ทำความเพียรน้อย ควรนอนวันละ 4 ชั่วโมงอย่างมาก
3.มัวแต่คุยไม่ตั้งใจกำหนด
4.ชอบคลุกคลีกับหมู่ ไม่ชอบอยู่ตามลำพัง
5.ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค
6.จิตจับอารมณ์ใด ไม่กำหนดในอารมณ์นั้น
7.จิตหลุดไปในอาการใด ไม่กำหนดรู้ในอาการนั้น
|
|
หลวงปู่บอกว่าเหตุหรือปัจจัยที่ตั้งของสติ ได้แก่
1.กายานุปัสสนา คือการพิจารณากาย เช่นลมหายใจเข้าออก,
อิริยาบถ 4 ยืน เดิน นั่ง นอน,
อิริยาบถย่อย การก้าวไปข้างหน้า ถอยไปข้างหลัง
การเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆเป็นต้น
2.เวทนานุปัสนา คือการเจริญสติเอาเวทนาเป็นที่ตั้ง
เวทนาแปลว่า การเสวยอารมณ์มี 3 อย่างคือ
1.สุขเวทนา 2.ทุกขเวทนา 3.อุเบกขาเวทนา
3.จิตตานุปัสนา ได้แก่การปลุกสติ โดยเอาจิตเป็นอารมณ์
หรือเป็นฐานที่ตั้งจิตมี 16 อย่างคือ
จิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ
จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ
จิตมีโมหะ จิตไม่มีโมหะ
จิตหดหู่ จิตฟุ้งซ่าน
จิตยิ่งใหญ่ จิตไม่ยิ่งใหญ่
จิตยิ่ง จิตไม่ยิ่ง
จิตตั้งมั่น จิตไม่ตั้งมั่น
จิตหลุดพ้น จิตไม่หลุดพ้น
4.ธัมมานุปัสนา คือมีสติพิจารณาธรรมทั้งหลายทั้งปวง คือ
นิวรณ์, ขันธ์ 5 อายตนะ โพชฌงค์ อริยสัจ 4
|
|
ผู้ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ต้องทำความเข้าใจอารมณ์ 4 ประการให้ถูกต้องคือ
1.กาย ทั่วร่างกายนี้ไม่มีอะไรสวยงาม แม้แต่อย่างเดียว
ควรละความพอใจและไม่พอใจออกเสีย
2.เวทนา สุข ทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์นั้น แท้จริงแล้วมีแต่ทุกข์
แม้เป็นสุขก็เพียงปิดบังความทุกข์ไว้
3.จิต คือ ความนึกคิดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง แปรผันไม่เที่ยง
ไม่คงทนถาวร
4.ธรรม คือ อารมณ์ที่เกิดกับจิต อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น เมื่อเหตุปัจจัยดับไป
อารมณ์นั้นก็ดับไปด้วย ไม่มีสิ่งใดเป็นอัตตาใดๆเลย
|
|
|
|
|
|
หลวงปู่บอกให้รู้คุณค่าแห่งการเดิน
"คัจฺฉันโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ" (เมื่อเดินอยู่ ก็รู้ว่ากำลังเดินอยู่)
เป็นภาษาของพระพุทธเจ้า คือเดินอย่างมีสติ
จะได้ประโยชน์ 5 อย่างคือ
1.ทนต่อการเดินทางไกล
2.ทนต่อการกระทำความเพียร
3.อาหารย่อยง่าย ท้องไม่ผูก
4.หายจากโรคหลายอย่างเช่น เจ็บขา เจ็บแขน เจ็บตามอวัยวะต่างๆ เลือดลมเดินสะดวก คือหายจากโรคได้หลายโรค
5.
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เสียงระฆังดังเวลา 03.30น.
|
|
เริ่มทำวัตรเวลา 04.30 น |
|
กราบสติปัฏฐาน เดินจงกลม นั่งสมาธิ 05.00 น. |
|
ยกหนอ อย่าลืม 255
เหยียบหนอ 55
.....
ช่วงเดินจงกลม
เราคิดว่าเราฝึกมาดีแล้ว ชำนายแล้ว สบายมาก
ที่ไหนได้ถูกหลวงปู่เบรค 2 ครั้ง
ดีใจเกือบตาย
ครั้งแรกเราเดินไป แล้วก็บริกรรมไป
ยกหนอ เหยียบหนอ, ยกหนอ เหยียบหนอ,
ยกหนอ เหยียบหนอ
หลวงปู่บอกว่าไม่ใช่ ไหนลองเดินดูใหม่
เราก็เดินไป แล้วก็บริกรรมไป
ยกหนอ เหยียบหนอ, ยกหนอ เหยียบหนอ,
ยกหนอ เหยียบหนอ
หลวงปู่ถามว่ารู้แล้วหรือยังว่าผิดตรงไหน
ตอบว่ารู้แล้วครับว่าผิดตรงไหน
หลวงปูบอกว่าผิดตรงไหน
ตอบว่าผิดตรงที่ปากบอกว่ายก แต่ขายังไม่ได้ยกครับ
มายกตอนที่ปากบอกว่าหนอครับ
หลวงปู่บอกว่าถูกต้องแล้ว
จิตต้องอยู่กับปัจจุบัน
ยกต้องยก เหยียบต้องเหยียบ
คือปากบอกว่ายก ขาต้องยก
ปากบอกว่าเหยียบ ขาต้องแตะพื้น
ขอบพระคุณหลวงปู่ครับ
นี่คือครั้งแรก
|
"ฐิโต วา ฐิโตมฺหีติ ปชานาติ" (เมื่อยืนอยู่ ก็รู้ว่ายืนอยู่)
"คัจฺฉันโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ" (เมื่อเดินอยู่ ก็รู้ว่ากำลังเดินอยู่)
เทียนเต็ก ซินแส
ศึกษาสติปัฏฐาน (บรมสุข) กับหลวงปู่ทอง
พระเดชพระคุณ พระธรรมมังคลาจารย์ วิ (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)
วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร อำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่ |