วาระครบ 100 ปี ชาตกาล พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) พระสงฆ์ผู้ปฏิรูปแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ไทย
เนื่องจากวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 จะเป็นวาระครบ 100 ปี ชาตกาล พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) พระสงฆ์ผู้ปฏิรูปแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ไทย และผู้อุทิศชีวิตให้กับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลกจนวาระสุดท้ายของชีวิต
พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2454 ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เดิมมีนามว่า 'ปั่น เสน่ห์เจริญ' หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จังหวัดระนอง และเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อปี 2474 กระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2550 สิริอายุรวม 96 ปี
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้รับสมัญญานามจาก 'ท่านพุทธทาสภิกขุ' ว่าเป็น 'ภิกขุแม่ทัพโลก' ผู้เผยแผ่หลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาในแนวทางที่ถูกต้อง กล่าวสอนพุทธบริษัทเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีมีความสุข และเป็นพระภิกษุชาวไทยรูปแรกที่เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุโรปและอเมริกา เป็นพระภิกษุที่ชาวไทยและต่างประเทศรู้จักกันในฐานะนักปาฐกถาธรรมที่ยึดต้นแบบการยืนเทศนาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเผยแผ่ธรรมะโดยไม่ระย่อท้อถอยต่ออุปสรรคใดๆ แม้กระทั่งกาลเวลาของชีวิตที่ล่วงเลยและอำนาจอิทธิพลใดๆ เป็นผู้ยืนหยัดอย่างมั่นคงในพระรัตนตรัยและเป็นอยู่โดยธรรมอันพระตถาคตตรัสไว้ดีแล้ว
ดังที่ท่านปัญญานันทภิกขุเคยกล่าวไว้ว่า "ข้าพเจ้ามอบกายใจถวายเป็นพลีแก่พระองค์และยินดีทำงานตามรอยพระองค์เสมอไปเพื่อให้สัจธรรมของพระองค์ได้เข้าถึงใจของหมู่สัตว์ผู้มีโมหะครอบงำและเข้าใจทางเดินออกมาโมหะนั้นเสีย"
เพื่อเป็นการสืบสานปณิธานและสนองพระเดชพระคุณท่านปัญญานันทภิกขุ สำนักพิมพ์ธรรมสถาพร ร่วมกับ วัดปัญญานันทาราม จึงได้ริเริ่มโครงการจัดพิมพ์หนังสือ ธรรมสมโภช 100 ปี ชาตกาล พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) โดยจัดพิมพ์กถาจากปาฐกถาธรรม ตลอดจนชีวประวัติและผลงานเพื่อร่วมเผยแผ่กิตติคุณและธรรมะที่พระเดชพระคุณท่านได้ตั้งจิตกล่าวสอนแก่เหล่าพุทธบริษัทของเอกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าศาสนิกชนทั่วโลก และเพื่อร่วมสถาปนา 'สถาบันปัญญานันทะ' ให้เป็นธรรมสิกขาลัยเผยแผ่ธรรมะแก่ศาสนิกชนทั่วโลก อันเป็นการร่วมสืบสานปณิธานพุทธปัญญาและสืบอายุพระศาสนาให้มั่นคงยั่งยืน
การจัดพิมพ์หนังสือมีคณะนักเขียนและคณะบรรณาธิการดำเนินการสืบค้น รวบรวมและเรียบเรียงจากปาฐกถาธรรมของพระเดชพระคุณพระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) อย่างเป็นระบบและหมวดหมู่เพื่อให้จำเริญแก่การอ่านศึกษาเรียนรู้ของผู้สนใจใฝ่ธรรม อันเป็นการยังธัมมัตถะให้เกิดการสืบอายุพระพุทธศาสน์และสุขกายใจเป็นธรรมชีวีแก่พุทธบริษัทบรรพชิตและคฤหัสถศาสนิกชนถ้วนทุกทั่ว อาทิเช่น อยู่กับความดีของชีวิต, อยู่อย่างไรให้ชีวิตสวัสดี, อยู่กับความพอใจ ชีวิตดีมีความสุข, ชีวิตงามด้วยความดี เป็นต้น
าสุดได้จัดงานเสวนาเรื่อง "100 ปี ชาตกาล พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)" จากวัดชลประทานรังสฤษฎ์ สู่วัดปัญญานันทาราม โดยมี พระปัญญานันทมุนี (ส.ณ. สง่า สุภโร) เจ้าคณะตำบลคลองหก เจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และผู้อำนวยการสถาบันปัญญานันทะ และพระครูสังฆกิจพิมล (สุรศักดิ์ สุรญาโณ) วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จังหวัดนนทบุรี ร่วมด้วย สัมพันธ์ ก้องสมุทร นักเขียนและที่ปรึกษาสำนักพิมพ์ธรรมสถาพร ดำเนินรายการโดย เพชรี พรหมช่วย พิธีกรจากทีวีช่อง 3 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ห้อง Meeting Room 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พระปัญญานันทมุนี (ส.ณ. สง่า สุภโร) เล่าถึงท่านปัญญานันทภิกขุด้วยอารมณ์ขันว่า "ท่านจะเป็นผู้ปฏิบัติให้ดูให้เห็นตลอด อย่างเวลาไปบิณฑบาต หลวงพ่อจะไปขึ้นรถเป็นรูปแรก ขึ้นไปแล้วนั่งนิ่ง ท่านนั่งข้างหน้า ไม่นั่งหลังเลย ฉะนั้นเวลาไปไหนมาไหนจะไม่หลงทางเลย หลวงพ่อจะมาก่อน ไม่ได้คิดว่าเป็นพระผู้ใหญ่แล้วจะต้องมาทีหลัง พอขึ้นรถกันหมด หลวงพ่อจะหันไปข้างหลังแล้วถามว่า 'ที่กุฏิไม่มีนาฬิกากันรึ' หรือถ้ารูปไหนยังไม่ตื่น ท่านก็จะบอกว่า 'ตื่นเถอะ เอาไว้นอนพรุ่งนี้บ้าง' หรือถ้าเห็นว่ากำลังแต่งตัวอยู่ก็จะบอกว่า 'เอาไว้แต่งเผื่อแก่บ้างสิ' เคยอยู่ใกล้จะเห็นแบบนี้บ่อยๆ
ท่านตื่นขึ้นจะฉันน้ำก่อนเป็นลำดับแรก สมมติไปพักศาลาวัดต่างจังหวัดก็จะเดินชมวิว หลวงพ่อจะวิ่งเหยาะๆ ปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ถ้าฝนตกหลวงพ่อจะทำโยคะ ทำท่านั้นท่านี้ ท่าที่ท่านทำแล้วสบายคือท่าเหวี่ยงแขน นี่คือเรื่องการดูแลร่างกาย สิ่งที่ท่านจะเอามาฉันต้องระมัดระวังมาก อาหารสุขภาพของท่านคือน้ำเต้าหู้ตอนเช้า และกล้วยน้ำว้า แต่ท่านเรียกว่า 'กล้วยน้ำละว้า' 2 ผล และเวลาเที่ยงฉันอีก 2 ผล เรื่องการดื่มการฉันท่านไม่เอาน้ำแข็งเข้าท้อง ไม่เคยฉันกาแฟเพราะเป็นสารเสพติด ไม่ฉันน้ำอัดลม หรืออะไรก็ตามที่ผ่านเครื่องกลต่างๆ ท่านจะฉันของสดๆ หลวงพ่อท่านขี้เกรงใจ อย่างชราภาพขนาดนั้น ท่านยังไม่มีลูกกุฏิ-ลูกมือ ท่านซักผ้าเอง"
หลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อที่สัมผัสได้ "ท่านเย็นให้เราสัมผัสจริงๆ อย่างมีคนมาด่า ชาวบ้านมาด่า ท่านใจเย็นมาก หลวงพ่อท่านมิได้เป็นแค่ทำให้คนอื่นมีความสุขเท่านั้น แต่ทำให้ท่านเองมีความสุขด้วย อย่างสมัยรัฐบาลประกาศว่า 'งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข' ?ท่านออกมาสวนทันทีว่า 'งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน' เมื่อรัฐบาลประกาศให้วันเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุด หลวงพ่อท่านเปิดทิศทางใหม่ให้วันอาทิตย์เป็นวันแสดงธรรม
ท่านเป็นพระที่ยืนแสดงธรรมบนโพเดียมเพราะในวัดจะมีธรรมาสน์เพียงหนึ่งอันและเอาไว้สำหรับเจ้าอาวาสเทศน์เท่านั้น ฉะนั้นเจ้าอาวาสต้องมรณภาพก่อน พระรูปอื่นถึงจะได้ขึ้นเทศน์ ท่านต้องการให้มีสถาบันปัญญานันทะเพื่อเผยแผ่และสืบทอดพระพุทธศาสนา สิ่งสำคัญคือท่านช่วยคนให้พ้นจากโมหะทั้งหลาย"
ขณะที่ พระครูสังฆกิจพิมล เห็นถึงหลักธรรมที่ท่านได้สั่งสอนไว้และจะต้องสืบสานปณิธานต่อนั่นคือ เรื่องของการปฏิรูปพิธีกรรม ท่านสอนว่าต้องเป็นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด และได้ประโยชน์สูงสุด ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้จะทำให้ไม่มีเรื่องขาดเรื่องเกินเกิดขึ้น และท่านนำคนออกจากอบายมุขทั้งปวง ท่านไม่มีเรื่องของอบายมุขแน่นอน และปลุกเร้าให้ทุกคนตื่นตัวว่องไวก้าวหน้า เป็นต้น
สัมพันธ์ ก้องสมุทร เป็นหนึ่งในศิษยานุศิษย์ ผู้เคยไปบวชจำพรรษาที่วัดสวนโมกขพลารามกับท่านพุทธทาสภิกขุและได้พบกับท่านปัญญานันทภิกขุ เขาบอกว่าทั้งสองท่านเหมือนเป็น 'พระพี่-พระน้อง' กัน และได้เขียนหนังสือชื่อว่า 'สองยอดนักรบแห่งกองทัพธรรม' เพราะมองว่าทั้งสองท่านเป็นแม่ทัพธรรม
"ธรรมะของหลวงพ่อมีอยู่สำหรับทุกอาชีพ เรียกว่าใช้ได้กับทุกอาชีพและเอามาใช้ได้กับทุกครอบครัว อย่างท่านสอนว่า 'ยิ่งให้ ยิ่งได้' ฟังดูแล้วมันสั้นๆ แต่ความหมายคือเมื่อให้ไปเท่าไหร่ยิ่งได้กลับมา ไม่ได้หมายถึงวัตถุ แต่เป็นความสุขทางใจ หรือถ้าไม่ยอมหายใจก็จะไม่มีชีวิตอยู่ ท่านให้จนหยุดไม่ได้ และอดที่จะให้ไม่ได้ หลวงพ่อจะให้ปัญญาทุกขณะ ใครเข้าไปหาจะได้ปัญญากลับมาทุกคน"
นอกจากวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 จะเป็นวาระครบ 100 ปี ชาตกาล ปัญญานันทภิกขุ แล้ว...วันที่ 27 พฤษภาคม 2554 ยังเป็นวาระ 105 ปี พุทธทาสภิกขุ อีกด้วย ฉะนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่พุทธบริษัทจะได้ร่วมกันสืบสานปณิธานพุทธปัญญาและสืบอายุพระศาสนาให้มั่นคงยั่งยืนต่อไป
///////////////////////
ขอเชิญร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างอาคารสถาบันปัญญานันทะ (ธรรมานุสรณ์ 100 ปี ชาตกาล ปัญญานันทภิกขุ) เพื่อเป็นศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างครบวงจร บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี วัดปัญญานันทาราม หมายเลขบัญชี 152-0-04362-7 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยตลาดไท หรือสอบถามโทร.0-2904-6065
Tags : พระพรหมมังคลาจารย์ • ปัญญานันทภิกขุ
|