ปฏิบัติธรรมแดนพุทธภูมิเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ครั้งที่ 8
30 พ.ย. - 8 ธ.ค. 2556
หยุดการเรียน การสอนดวงจีน 2 อาทิตย์
คือวันที่ 1 ธ.ค. และวันที่ 8 ธ.ค. 2556
จึงแจ้งมาให้ทราบ
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ใครที่จะมาปฎิบัติธรรมที่พุทธคยา
ไม่ต้องนำกลด หรือเต้นมากางในช่วงกลางคืน
เพราะหลังเวลา 21.00 น. เป็นต้นไป
เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาติให้ใครเข้าไปปฎิบัติธรรมในช่วงกลางคืน
เพื่อความปลอดภัย และห้ามนำโทรศัพท์เข้าไปด้วย
(กล้องถ่ายรูปที่อยู่กับโทรศัพท์ก็ไม่ได้)
ภาพที่เห็นคือยอดฉัตรทองคำ(เก่า)
น้ำหนักประมาณ 50 ก.ก.
ยอดฉัตรทองคำ
เจดีย์พุทธคยา
ที่บอกว่าหุ้มทองยอดฉัตร หมายถึงหุ้มยอดนี้(ใหม่)
น้ำหนักประมาณ 250 ก.ก.
|
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
|
|
มาเที่ยวเดียวกับพระสังฆราชประเทศลาว
|
|
มาเที่ยวเดียวกับหลวงพ่อจำเนียน ถ้ำเสือ กระบี่
ซ้ายมือคืออาจารย์ไพทูรย์ ลูกศิษย์หลวงพ่อจำเนียร ผู้สร้างถนนเข้าไปหาหลวงพ่อดำ
|
|
ถ่ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ
|
|
อาจารย์ศิริเดช วัดแดง
|
ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าพุทธสถาน มองไปทางด้านซ้ายมือ
ที่เคยเป็นร้านค้า บัดนี้ถูกรื้อไปหมดแล้ว
|
ณ ที่บริเวณนี้เคยเป็นร้านค้า
แต่บัดนี้ได้ถูกรื้อออกไปหมดแล้ว
ที่มองเห็นไกลๆคือห้องน้ำสาธารณะ
|
|
มองมุมกว้าง บัดนี้ร้านขายสินค้าและขอทาน
ถูกกันให้ออกไป
นอกบริเวณพุทธสถาน
|
|
มีหน้าที่ดูแลจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย
หลังจากที่โดนวางระเบิดจำนวน 50 ลูก เมื่อปีที่แล้ว
|
|
มองดูแล้วโล่งตา สบายใจ กำแพงสูง สบายตา
|
|
บริเวณหน้าห้องน้ำสาธารณะ
|
|
ที่บริเวณเดียวกัน แต่มองเห็นเจดีย์พุทธคยา
ทางด้านขวามือ
|
|
สถานที่รับฝากโทรศัพท์มือถือ
ห้ามนำเข้าไปในพุทธสถาน เพื่อความปลอดภัย
|
|
ชื่อว่าอู่น้ำ สถานที่บริการน้ำปานะฟรี.
สำหรับพระภิกษุและญาติโยม
|
|
บริเวณภายในอู่น้ำด้านขวามือสำหรับ
พระภิกษุสงฆ์ สามเณร
ด้านซ้ายมือสำหรับโยมอุบาสก-อุบาสิกา
|
|
|
|
"มีคนเขาว่ามาอินเดีย เพื่อไหว้พระรับพร
แต่ไปเมืองจีนเพื่อไหว้เจ้ารับโชค"
วันนี้มีเรื่องเบาๆมาเล่าสู่กันฟังเพื่อความสนุกสนาน
ให้กับผู้ที่คิดว่าจะเดินทางจาริกไปยังดินแดนพุทธิภูมิ
ตามรอยพระศาสดา
ณ สาธารณรัฐอินเดีย
และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
จากการสอบถามผู้ที่ได้เดินทางร่วมมากับคณะ
ประมาณหลายสิบคนว่า
เพราะใดจึงได้เดินทางมากับทัวร์คณะนี้
ได้รับคำตอบว่าเป็นเพราะทัวร์คณะนี้มีราคาแพงที่สุด
ได้สอบถามต่อไปอีกว่า
เมื่อรู้ว่ามันแพงแล้วทำไมยังเลือกมากับทัวร์คณะนี้
ได้รับคำตอบว่าที่เลือกมากับทัวร์คณะนี้ก็เพราะว่ามันแพงนะซิ
ก็เลยทราบว่าโยมคณะนี้เลือกเดินทางมากับ
ทัวร์ที่มีราคาแพงเป็นอันดับแรก
ส่วนการบริการจะดีหรือไม่ดีไว้เป็นอันดับหลัง
(คิดว่าของแพงต้องดี)
|
|
ชื่อว่าอู่ทรัพย์ เป็นสำนักพระธรรมทูต
และสถานที่รับบริจาคทรัพย์
|
|
บริจาคทรัพย์ซึ่งญาติโยมฝากมา
ใครอยากได้บุญก็ร่วมอนุโมทนาเอาเองได้เจริญพร
|
|
เอาบุญมาฝากญาติโยมทุกท่าน
ร่วมอนุโมทนาได้เจริญพร
|
|
ถวายค่าน้ำปานะ 1000 บาท
|
|
ถวายค่าน้ำปานะ 1000 บาท
|
|
ถวายค่าน้ำ-ค่าไฟ และการศึกษา 5,000 บาท
|
|
ถวายค่ายาให้โรงพยาบายพระพุทธเจ้า
จำนวน 3,000 บาท
|
|
มองให้เจ้าหน้าที่สำหนักงานพระธรรมทูต
ต่างประเทศ
|
|
เห็นรถสวยดีก็เลยถ่ายมาให้ดู
|
|
แม่ชีที่ดูแลอู่น้ำ
|
|
นั่งรถม้าจากวัดไทยพุทธคยาไปพุทธสถาน
สนับสนุนสัมมาอาชีวะ
มาอินเดียสังเกตุอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเมืองไทย
คือการใช้แตร
คนอินเดียไม่รังเกียจเสียงแตร
ถ้าใครบีบแตรเขาจะขอบคุณ ที่ส่งสัญญาณให้เขารู้
|
|
นั่งรถม้าจากวัดไทยพุทธคยาไปพุทธสถาน
สนับสนุนสัมมาอาชีวะ
แต่ที่เมืองไทย
รังเกียจเสียงแตรที่สุด
ใครกดแตร อาจจะโดนด่าแม่
หรือถูกไล่กระทืบก็ได้
|
|
มีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเมืองไทยคือ
ที่นี่ไม่มีร้านเซเว่น
เพราะเพื่อช่วยเหลือคนจนให้อยู่ได้
|
|
ทุกชีวิตมีสิทธิ์เดินบนถนน
วัว ม้า หมา หมู รถ รา แพะ แกะ
มีสิทธิ์ใช้ถนนเหมือนกัน
|
กิ่งพระศรีมหาโพธิ์หล่นลงมาต่อหน้า
พระอาจารย์ศิริเดช
โยมที่เป็นฝรั่งเป็นคนหยิบถวาย
(สวรรค์รับรู้)
การปฎิบัติธรรมครั้งที่ 8 นี้ อาตมาไม่ได้นำกล้องถ่ายรูปติดไปด้วย
มีแต่กล้องที่อยู่กับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ
เข้าไปในบริเวณพุทธสถาน จึงมีรูปถ่ายที่พระเถรบางรูปถ่ายแล้วส่งมาให้
(ภาพนี้กำลังสาธยายพระไตรปิฎกร่วมกับชาวพุทธนานาชาติ)
|
การมาปฎิบัติธรรมที่พุทธคยาคราวนี้ได้มีโอกาส
อยู่ปฎิบัติธรรมใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ในตอนกลางวันอย่างเต็มที่
ส่วนในเวลากลางคืนได้อยู่ปฎิบัติธรรมแค่ 1 คืนเท่านั้น
ทางเจ้าหน้าที่จำกัดจำนวนไว้แค่คืนละไม่เกิน 50 ท่าน
เฉพาะนักปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมจริงๆ
คือให้สิทธิ์ตัวแทนประเทศละไม่เกิน 5 ท่าน
(อาตมาได้โควต้าของประเทศเวียตนามหรือประเทศลาวก็ไม่แน่ใจ
แต่ก็ถือว่าครั้งนี้บรรยากาศดีกว่าทุกครั้ง
ทุกคนที่มาปฎิบัติธรรมในตอนกลางคืนมีความตั้งใจจริงๆ
หาคนที่คุยกันน้อยมาก ยิ่งคนที่เข้ามานอนไม่มีเลย
ดีจริงๆ ขออนุโมทนา)
อาตมายังไม่แน่ใจว่าคราวต่อไปจะมีโอกาสดีๆอย่างนี้
อีกหรือไม่.
เพราะวันที่ 27 มกราคม ถึง 5 กุมภาพันธ์
จะได้ไปอินเดียอีก.
ถือว่าเป็นครั้งที่ 9.