เนื่องจากมีผู้ที่ได้อ่านหนังสือ
"ธุดงค์อินเดีย"
หลายต่อหลายท่าน เกิดความรู้สึกว่า
การได้ไปปฎิบัติธรรมที่พุทธคยา ไม่ยากอย่างที่คิด
ได้โทรติดต่อสอบถามไปที่บริษัททัวร์
ที่มีชื่ออยู่ในหนังสือ
เนื่องด้วยอาตมาและพระศิริเดช
ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ในหนังสือ
เพราะคิดว่ารายละเอียดที่ให้ไว้ในหนังสือ
มีเพียงพอสำหรับการไปปฎิบัติธรรมที่พุทธคยาแล้ว
แต่ปรากฎว่า รายละเอียดที่ให้ไว้บางอย่าง
มีปัญหาในทางปฎิบัติ
เช่นเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลบางท่าน
หรือพระอาจารย์บางรูป เปลี่ยนโทรศัพท์
หรือทำโทรศัพท์หาย หรือกลับมาเมืองไทยแล้ว
หรือไม่ได้เปิดโทรศัพท์ไว้
และบางทีก็มีปัญหา
เวลาที่เมืองไทยกับอินเดียไม่ตรงกัน
หลายต่อหลายเรื่อง
แต่ส่วนมากจะมีปัญหาเกี่ยวกับที่พักเสียเป็นส่วนใหญ่
จึงต้องแจ้งมาณ.ที่นี้ว่า
ปีนี้อาจจะมีปัญหามากจริง
เพราะปีนี้เป็นปีที่ฉลองพุทธชยันตี2600ปี
มีชาวพุทธที่ตั้งใจที่จะไปปฎิบัติธรรม
ที่พุทธคยาเป็นจำนวนมาก มากกว่าทุกครั้ง
จึงอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่อย่าเพิ่งท้อ
ผู้เขียนขอบอกตามตรงว่า
แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็ยังไม่มั่นใจว่า
ไปพุทธคยาคราวนี้จะได้ที่พักหรือไม่
ปีที่แล้วกว่าจะได้ไปที่พุทธคยา
มีปัญหาและอุปสรรค์มากมาย
ครั้งแรกมีปัญหาท่านอาจารย์ที่วัดป่าพุทธคยา
โทรมาบอกแคนเซิล (ยกเลิกที่พัก)
เพราะมีผู้ใหญ่จากเมืองไทยต้องไปทอดกฐิน
ที่วัดป่า ระยะเวลาตรงกันพอดี
ไม่สามารถจะให้ที่พักได้
โทรไปสอบถามวัดไทย
ที่อยู่พุทธคยา
เป็นวัดที่ญาติโยมที่มีจิตศรัทธา
ฝากเงินไปทำบุญทุกครั้งที่ไปปฎิบัติธรรม
แต่ปรากฎว่า
ห้องพักไม่เคยว่างเพราะต้องกันไว้ให้กับ
คณะทัวร์ต่างชาติ
วัดไทยที่อยู่ต่างประเทศจะให้เหมือนกับ
วัดไทยในเมืองไทยไม่ได้
ถ้าเคยดูโทรทัศน์บ่อยก็จะจำสโลแกน
ที่เด็กๆพากันร้องว่า
"น้ำดิบมีราคา น้ำประปามีต้นทุน"
(ไปอินเดียมีราคา อยู่พุทธคยามีต้นทุน)
พระ-แม่ชีและโยมที่อยู่ตามวัด
มีค่าใช้จ่าย
อย่างน้อยต้องเสียค่าวีซ่าทุก3เดือนหรือ6เดือน
ต้องกลับมาเมืองไทยเพื่อต่อวีซ่า
และอาจจะมีอย่างอื่นอีก
แต่เมื่อตั้งใจไปแล้ว
ไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน
คิดว่าจะไปปฎิบัติธรรมช่วงนี้อย่างแน่นอน
เพราะว่ามีความตั้งใจไว้แล้ว
เมื่อไปถึงพุทธคยาแล้วคงจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับที่พักได้
แต่ปรากฎว่า
คราวนี้มีปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง
ไม่สามารถที่จะเดินทางไปปฎิบัติธรรมได้
เพราะมีความเป็นห่วงทางนี้
จึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไป
คือจากปลายปี
เปลี่ยนเป็นต้นปีจึงจะไป
เมื่อถึงวันเดินทาง
และ
ได้ขึ้นเครื่องนึกว่าสบายใจได้แล้วคราวนี้
ไม่มีอุปสรรค์แล้ว
ที่ไหนได้
พอไปถึงสนามบินนักบินประกาศว่า
ไม่สามารถที่จะนำเครื่องบินลงได้ เพราะไฟไหม้ที่สนามบิน
เนื่องจากชาวบ้านเผาป่า
พอเครื่องบินลงต้องไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
ก็มีปัญหาอีก เพราะนายด่านหาว่า
นำเนื้อสัตว์กระป๋องมาด้วย
โยมที่ไม่เคยมาก็เสียความรู้สึก
จึงตัดรำคาญโดยจ่ายเงินให้ไปหลายพันบาท
แต่ในที่สุดเมื่อถึงพุทธคยา
ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถือว่า
มีมารผจญ
ขากลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
กัปตันแจ้งให้ทราบว่า
เครื่องบินยังลงไม่ได้ เพราะการจราจรคับคั่ง
ต้องบินวนอยู่นานจึงจะลงได้
กลับถึงบ้านแล้วนึกว่า
จะหมดปัญหา
มารไม่มีบารมีไม่เกิด
ปัญหาแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ที่ผ่านมาถือว่าคุ้มค่า ไปไม่เสียเที่ยว
ตถตา
มันเป็นเช่นนั้นเอง
|