บทความโยมเปลวสีเงิน
วันนี้-วันที่ ๒๕ ธันวาคม เป็นวันปีใหม่ฝรั่ง ขึ้นชื่อว่า "ปีใหม่" ไม่ว่าของชาติไหน วัฒนธรรมไหน ให้ความหมายไปในทางสดชื่น สบายใจทั้งนั้น เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศและความรู้สึกดีๆ ให้อบอุ่นหัวใจจนข้ามปี วันนี้-พรุ่งนี้ ผมจะเอาความเรียงเรื่อง "โต๊ะแห่งความสุข" ที่เผยแพร่อยู่ตามเว็บไซต์นานแล้วมาให้อ่านกันอีกครั้ง เริ่มเลยนะครับ
ร้านบะหมี่ 'ฮอกไก' บนถนนซัปโปโร
การกินบะหมี่โซบะในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นั้นเป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ร้านบะหมี่ขายดีในวันสิ้นปี 'ร้านฮอกไก' นี้ก็เช่นกัน
ในวันนี้คนแน่นร้านแทบทั้งวัน จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น.คนก็เริ่มน้อยลง โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่ แต่วันนี้ทุกคนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปต้อนรับปีใหม่กัน ดังนั้นถนนสายนี้จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ เถ้าแก่ของร้าน 'ฮอกไก' เป็นคนซื่อ และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี
ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า พอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไปในขณะเถ้าแก่เนี้ยก็จะปิดร้าน ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบาๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน คนหนึ่งประมาณ 6 ขวบ กับอีกคนหนึ่งประมาณ 10 ขวบเข้ามาในร้าน เด็กชายทั้งสองคนสวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โคต ลายสก็อตเก่าๆ เชยๆ
'เชิญนั่งครับ' เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัวว่า
'ขอบะหมี่น้ำสักชามได้ไหมคะ' เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังสบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
'ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เชิญนั่งก่อนค่ะ'
เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า
'บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'
บะหมี่หนึ่งชามมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน เถ้าแก่คิดแล้วก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินพลางพูดพลาง
'ทานเถอะครับ' ลูกคนพี่พูด
'แม่ทานหน่อยสิครับ' ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า
'ขอบคุณมากค่ะ (ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ (ครับ)' พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป
'ขอบคุณมากค่ะ (ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ (ครับ)' ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างก็กล่าวขอบคุณ
ทำงานไปวันแล้ววันเล่ายุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี วันที่ 31 ธันวาคม ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันส่งท้ายปีเก่า ร้านบะหมี่ 'ฮอกไก' ก็ยังคงขายดีและดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย
และแล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง 22.00 น.กว่า ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ ผู้ที่เข้ามาก็คือหญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน พอเห็นเสื้อโอเวอร์โคตที่เก่าและเชย เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นลูกค้าคนสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่าของปีที่แล้วนั่นเอง
'ขอบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั้ยคะ'
'ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะคะ'
เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้ว โต๊ะเบอร์สอง ตะโกนไปพลางว่า
'บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'
เถ้าแก่รับคำพลาง จุดเตาที่เพิ่งจะดับไปพลาง
'ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม'
เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า 'นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ'
'ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอายและไม่สบายใจได้รู้มั้ย'
สามีตอบพลางแล้วโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อนลงไปในหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน เดินไปยืนข้างภรรยาแล้วก็ยิ้ม ภรรยาก็พูดขึ้นว่า
'เห็นเธอซื่อๆ ทึ่มๆ ไม่นึกเลยว่าจิตใจก็ดีเหมือนกันนะ'
ฝ่ายสามีเดินไปตักบะหมี่ชามใหญ่ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้นแล้วให้ภรรยายกไปให้สามแม่ลูก สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่<SPAN style="FONT-SIZE: 16pt; |