ปฏิบัติธรรมแดนพุทธภูมิเฉลิมพระเกียรติ
โครงการพาพ่อลัดฟ้าสู่แดนพุทธภูมิ
 |
รอยพระพุทธบาทที่มายาเทวีวิหาร
มายาเทวีวิหาร เมื่อก่อนนั้นเป็นวิหารสร้างด้วยอิฐกับปูน เป็นอาคารยกระดับมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านหลัง ภายในมีรูปพระนางสิริมหามายาเทวี แกะสลักด้วยหิน พระพุทธมารดายืนประทับเหนี่ยวกิ่งสาละอยู่พร้อมกับพระสนม และข้างหน้าเป็นรูปเจ้าฟ้าชายสิทธัตถะพระกุมาร กำลังก้าวพระบาทไปบนดอกบัว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากของชาวฮินดู-เนปาลา มีผู้มาชมและสักการะอยู่สมำเสมอ
ขณะนี้ ทางหน่วยงานโครงการพัฒนาลุมพินีปรับปรุงโบราณสถานใหม่ ได้รื้อออกเพื่อการขุดค้นโบราณวัตถุที่สำคัญ และพบแผ่นศิลาขนาด 5X5 นิ้ว เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2539 นักสำรวจเชื่อกันว่าเป็นหลักฐานสำคัญสมัยพระเจ้าอโศกชิ้นหนึ่งที่ทรงสร้างไว้เป็นการยืนยันว่า พระกุมารเสด็จพระราชดำเนินได้ 7 ก้าว มีศิลาแผ่นนี้บอกความไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้มุงหลังคาคลุมบริเวณไว้ เพื่อรักษาสภาพโบราณสถานกองอิฐ เรียงขึ้นเป็นชั้น มีที่เก็บรักษาแผ่นศิลานั้นไว้อย่างดี
จุดที่ตั้งเสาหินอโศก นัยว่าเป็นเขตแดนระหวางกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ข้างด้านซ้ายมือออกไปตามทางหลวง 27 กม. คือกรุงเทวทหะ ปัจจุบันเมืองทั้งสองเหลือเพียงซากเวียงวังโบราณที่ปรักหักพังไว้ให้ทัศนา และรอโอกาสที่จะบูรณะขึ้นใหม่ต่อไป
|
|
เทียนเต็ก ซินแส
(โครงการพาพ่อลัดฟ้าจาริกแดนพุทธภูมิ)
รอยพระพุทธบาทที่มายาเทวีวิหาร
มายาเทวีวิหาร เมื่อก่อนนั้นเป็นวิหารสร้างด้วยอิฐกับปูน เป็นอาคารยกระดับมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านหลัง ภายในมีรูปพระนางสิริมหามายาเทวี แกะสลักด้วยหิน พระพุทธมารดายืนประทับเหนี่ยวกิ่งสาละอยู่พร้อมกับพระสนม และข้างหน้าเป็นรูปเจ้าฟ้าชายสิทธัตถะพระกุมาร กำลังก้าวพระบาทไปบนดอกบัว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากของชาวฮินดู-เนปาลา มีผู้มาชมและสักการะอยู่สมำเสมอ
ขณะนี้ ทางหน่วยงานโครงการพัฒนาลุมพินีปรับปรุงโบราณสถานใหม่ ได้รื้อออกเพื่อการขุดค้นโบราณวัตถุที่สำคัญ และพบแผ่นศิลาขนาด 5X5 นิ้ว เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2539 นักสำรวจเชื่อกันว่าเป็นหลักฐานสำคัญสมัยพระเจ้าอโศกชิ้นหนึ่งที่ทรงสร้างไว้เป็นการยืนยันว่า พระกุมารเสด็จพระราชดำเนินได้ 7 ก้าว มีศิลาแผ่นนี้บอกความไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้มุงหลังคาคลุมบริเวณไว้ เพื่อรักษาสภาพโบราณสถานกองอิฐ เรียงขึ้นเป็นชั้น มีที่เก็บรักษาแผ่นศิลานั้นไว้อย่างดี
จุดที่ตั้งเสาหินอโศก นัยว่าเป็นเขตแดนระหวางกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ข้างด้านซ้ายมือออกไปตามทางหลวง 27 กม. คือกรุงเทวทหะ ปัจจุบันเมืองทั้งสองเหลือเพียงซากเวียงวังโบราณที่ปรักหักพังไว้ให้ทัศนา และรอโอกาสที่จะบูรณะขึ้นใหม่ต่อไป
|