ตอนเดิมของตอนที่แล้วอำเภอบางคล้าในยุคแรกที่ก่อร่างสร้างเมือง
มหันตภัยครั้งที่ 1 ในปีพ.ศ. 2491
เกิดจากอัคคีภัยทำความเสียหายชุมชนบางคล้าเกือบ 100 %
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายอย่างเหลือคณานับ
หลังจากนั้นชุมชนตลาดบางคล้าก็ได้ก่อร่างสร้างตัวเอง ขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างช้าๆและมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงมหันตภัยเริ่มต้นเท่านั้น
มาทราบภายหลังจากที่ไฟไหม้ดครั้งใหญ่นั้นแล้วว่ามีซินแสชาวจีนท่านหนึ่งเคยทำนายไว้ว่าอีก 40 ปีข้างหน้าจะเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่อีก ให้ระวัง
มหันตภัยอีกครั้งใน 40 ปีถัดมา (วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2531) สร้างความเสียหายให้ชุมชนตลาดบางคล้าอีกครั้งมากกว่า 70 % ซ้ำอีกครั้งตามคำทำนาย ทั้งที่เครื่องมือเครื่องไม้ในการดับไฟเจริญก้าวหน้าไปมาก
“ อีก 40 ปีข้างหน้าจะเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่อีกให้ระวัง”
ประโยคนี้ย้อนกลับมาในความคิดของชาวบางคล้าทุกคนอีกครั้ง เพราะเกือบทุกคนหรือทุกบ้านเคยได้ยินคำนี้บอกต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างชัดเจน
แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือซินแสท่านนั้นรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างไร
ถ้าจะตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เป็นแขนงเดียวกัน
“ เทียนเต็ก ซินแส มีคำตอบให้ท่าน “
การเฉลยคำตอบ
ที่ว่าซินแสท่านนั้นรู้ได้อย่างไรว่าอีก 40 ปีข้างหน้าจะเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่อีกครั้ง ต้องย้อนไปดูที่ดวงของผู้ที่ถูกไฟไหม้ครั้งแรกอีกครั้งจึงจะได้คำตอบ
จากแผ่นดวงของดวงนี้ไช่โข่วเป็นธาตุที่ให้โทษกับเจ้าของดวง (หมายถึงฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยให้โทษ) ทั้งราศีบน (โบ่ว) และราศีล่าง (ซิ้ง) มะโรงและ (สุก) จอ เพราะฉะนั้นถ้าปีจรหรือวัยจรเดินดาวที่ให้โทษเข้ามาก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยคือจะต้องเสียทรัพย์สินเงินทองเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน การที่ซินแสท่านนั้นรู้ว่าอีก 40 ปีข้างหน้าจะเกิดไฟไหม้อีกครั้งเป็นเพราะว่า ซินแสท่านนั้นดูจากดวงของผู้ที่ถูกไฟไหม้บ้านนั่นเอง
จากดวงวัยจรคราวที่แล้วช่วงอายุระหว่าง 20 – 30 ปีวัยจรเดินยิ้ม,ซิ้ง ซึ่งซิ้งเป็นธาตุดิน เป็นดาวไช่โข่วที่ให้โทษและได้เกิดไฟไหม้บ้านในช่วงวัยจรนี้พอดี ซินแสท่านนั้นคงจะได้สำรวจดวงอีกครั้งว่าภายภาคหน้ายังจะมีปัญหาเกี่ยวกับฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยกับผู้นั้นอีกหรือไม่ แต่เมื่อเหลือบขึ้นไปในช่วงที่วัยจรเดินโบ่ว,จื้อ ซึ่งโบ่วเป็นธาตุดินเป็นดาวไช่โข่วที่ให้โทษพอดี ถ้าสังเกตดูให้ดีๆจะเห็นว่า ปีที่ไฟไหม้ครั้งแรกก็เดินดาวโบ่วจื้อพอดี ขนาดปีจรซึ่งเล็กกว่าและสำคัญน้อยกว่าวัยจรยังมีปัญหา แล้ววัยจรเดินดาวดวงนี้ลองคิดดูซิว่าจะร้ายแรงขนาดไหน
เมื่อเห็นวัยจรช่วงอายุ 60 – 70 ปีแล้วก็รู้ว่าในช่วงวัยจรนี้ยังจะมีปัญหาเกี่ยวกับฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยอีก ก็เลยไปไล่ดูดาวปีจรว่าจะมีปีไหนบ้างที่มีโอกาสที่จะมีปัญหา ช่วงที่มีอายุเข้า 60 คือปี 2529 เป็นปีเปี้ย,เอี้ยง ปี2530 เป็นปี,เตงเบ้า ปี2531เป็นปีโบ่ว,ซิ้ง ปี2532เป็นปีกี้,จี๋ ปี2533เป็นปีแก,โง้ว ปี2534เป็นปีซิง,บี่ ปี2535เป็นปียิ้ม,ซิม ปี2536เป็นปีกุ๋ย,อิ้ว ปี2537เป็นปีกะ,สุก ปี2538เป็นปีอิกไห จะเห็นได้ว่าในช่วงวัยจร 10 ปีนี้ปีที่ให้โทษมากที่สุดคือปี 2531 ซึ่งเป็นโบ่ว,ซิ้ง เป็นธาตุดินที่ให้โทษทั้งราศีบนและราศีล่าง เป็นดาวไช้โข่วที่ให้โทษทั้งคู่ เป็นปีที่ครบกำหนด 40 ปีที่ซินแสท่านนั้นบอกไว้พอดี
ปี 2531 เป็นปีโบ่ว,ซิ้ง
โบ่วเป็นดาวไช่โข่วให้โทษ ไปเหมือนหรือไปซ้อนกับโบ่วที่หลักวัยจรเป็น 2 โบ่วเป็นเกณฑ์บังคับพอดี ส่วนราศีล่างเป็นซิ้ง (มะโรง) เป็นดาวไช่โข่วก็ได้ไปชนกับฐานดิถี คือสุก (จอ) (ดาวร้ายชนดาวร้ายถือว่าร้ายสองเท่า) จึงเกิดเหตุการณ์ใหญ่อย่างที่ทราบกันอยู่
ในช่วงปลายปี 2530 มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นคือชาวชุมชนตลาดบางคล้าได้มีการประชุมกันแล้วเห็นพร้องต้องกันว่าจะจัดให้มีเวรยามคอยสำรวจตรวจตรา และทางเทศบาลก็ได้จัดให้มีรถดับเพลิงที่พร้อมจะทำงานแล่นเข้ามาจอดในสถานที่ๆใกล้กับบริเวณนั้น เพิ่มขึ้นในเวลากลางคืน โดยใช้หลักสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน คืนละหลายคนคอยดูแลเกี่ยวกับฟืนไฟในเวลาค่ำคืน ถ้าใครไม่สามารถที่จะมาได้ก็ช่วยเหลือด้านเงินทอง ปรากฏว่าทำได้สามเดือนกว่าคือเดือนมกราคม กุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์ณ์ร้ายที่ซินแสท่านนั้นทำนายไว้ โดยไม่ได้เฉลียวใจและที่สำคัญไม่มีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ ปีนั้นเป็นปีซิ้ง (มะโรง) จะเกิดเหตุร้ายในเดือนซิ้ง (เมษายน) พอเข้าเดือนเมษายนก็เลยหยุดเดินยามในตอนกลางคืน
พอถึงวันที่ 9 เมษายน 2531 ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นตามที่ซินแสท่านนั้นทำนายไว้พอดี
|